ก้าวแรกจากบ้านอีต่อง ผมรู้ทันทีว่าทริปนี้ต้องเสียเหงื่อ เสียแรง แต่ไม่เคยเสียใจที่ตัดสินใจครั้งนี้ ผมและคณะออกเดินทางเวลา 9.29น. ในตอนเช้า ไปถึงสถานที่กางเต๊นท์เวลา 13.20 น. ...4 ชั่วโมงกับการเดินเท้า บนเส้นทางที่มีทั้งชันขึ้น และลาดลง มันบอกกับผมว่าคนเราถึงแม้ใจจะพร้อม แต่ถ้ากายและสุขภาพไม่พร้อม ก็ใช่ว่าจะทำตามฝันได้
เขาช้างเผือก |
การปั่นจักรยานทุกเช้าของผม ช่วยให้ผมเดินขึ้นเขาช้างเผือกได้ดีขึ้นโดย ไม่เมื่อยขา หรือเจ็บกล้ามเนื้อเหมือนเมื่อก่อน แต่เขาช้างเผือกมันไม่ง่ายแค่นั้น สภาพร่างกายที่เราเคยคิดว่าพร้อม มันกลับไม่พอสำหรับเขาช้างเผือก
ผมรับประกันว่าหลายคนที่ขึ้นเขาช้างเผือก ใช้ปากแทนจมูกเพื่อหายใจ และมีอาการที่เรียกว่าหัวใจเต้นไม่ทัน ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เล่นเอาเกือบน็อคกันเลยทีเดียว
ความลำบากและความเหนื่อยล้าระหว่างเดินทางนั้น ผมไม่อยากพูดอะไรมาก ของอย่างนี้ต้องไปพิสูจน์กันด้วยตัวเอง แล้วคุณจะสัมผัสความรู้สึก ณ เวลานั้นได้ดีกว่าคำบอกเล่าของคนอื่น
บางคนขึ้นไปเจอฝน เจอลม หรือบางคนขึ้นไปเจอหมอก สุดท้ายมีคำถามว่ามันคุ้มค่าหรือไม่กับการขึ้นเขาช้างเผือก สำหรับผมมันยิ่งกว่าคุ้มค่าเพราะสิ่งที่ผมเจอ คือผมเจอ..ตัวเอง